เมื่อกล่าวถึงเรื่องของการลงทุนแล้วนั้น ทุกท่านๆ ก็ต้องเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะต้องศึกษาข้อมูลและยอมรับความเสี่ยงเหล่านั้นในทุกๆ การลงทุนครับ ซึ่งในบทความนี้จะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ปัจจัยเสี่ยงจากการลงทุน” ที่น่าสนใจกันสักหน่อยเพื่อเป็นวิทยาทานความรู้ติดตัวกันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันดีกว่าครับ
การลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากอะไร?
การลงทุนที่ดีนั้น จะต้องเริ่มจาดการลงทุนในการศึกษาจาก “โรงเรียน” และการหาความรู้โดยเฉพาะจากการอ่านหนังสือศึกษาตลาดของธุรกิจที่เราสนใจ เพราะถ้าปราศจากสิ่งนี้ คงไม่ประสบความสำเร็จได้ยากนั้นเองครับ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า “การลงทุนที่ดี คือ การลงทุนในการศึกษาหาความรู้” นั้นเองครับ
3 หลักการลงทุนเบื้องต้น
1. เริ่มต้นเก็บเงิน Step แรกด้วยวิธีฝากประจำ เงินไม่มาก ก็สามารถเลือกลงทุนง่าย ๆ และได้ผลตอบแทนแบบแน่นอนด้วยการออมเงิน เป็นแนวคิดที่เหมือนกับการหยอดกระปุกหมูน้อยตอนเด็ก ๆ นั่นคือการค่อย ๆ เก็บเงินอย่างสม่ำเสมอ ลองคิดดูเล่น ๆ ว่าเก็บเงินเดือนละ 2000 บาท อาจจะดูเป็นเงินน้อย แต่ในหนึ่งปี คุณก็จะได้เงินราว ๆ 24,000 บาทแล้ว!
2. การลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average) สำหรับใครที่มั่นใจว่ามีวินัยทางการเงิน ก็ลองเขยิบขึ้นมาลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ Dollar Cost Average (DCA) เป็นวิธีที่ทำให้เงินงอกเงยได้จากการลงทุนหุ้นและกองทุนรวม ซึ่งเราสามารถกำหนดจำนวนเงินเพื่อลงทุนเป็นงวด ๆ งวดละเท่า ๆ กัน จะลงทุนเป็นรายเดือนหรือไตรมาสก็ดี โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของหน่วยลงทุนหรือหุ้นที่จะซื้อ จุดเด่นของการลงทุน DCA คือการสร้างวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ กำหนดเป้าหมายเป็นจำนวนเงินที่ต้องการลงทุนเป็นหลัก ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของราคาที่ซื้อสูงไป เพราะมีการถัวเฉลี่ยราคาจากการซื้อทุกเดือน จะเห็นได้ว่าเราสามารถนำ DCA ไปประยุกต์ใช้กับหุ้นหรือกองทุนที่เราสนใจได้ โดยลงทุนซื้อตามวันที่กำหนดของทุกเดือน ซื้อแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพื่อการลงทุนระยะยาว อาจเพิ่มเงินลงทุนในแต่ละปีให้มากขึ้น ในอนาคตเราก็จะมีเงินออมไว้ใช้ในวัยเกษียณได้เช่นกัน
3.ลงทุนทองคำแท่ง การลงทุนทองคำแท่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ดีไม่แพ้การเล่นหุ้นหรือสะสมกองทุน เพราะ ซื้อง่าย ขายคล่อง และยังจำนำได้
ความเสี่ยงในการลงทุน
เราสามารถแบ่งความเสี่ยงออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
●ความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Risk)
ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท อันเป็นเหตุให้ผู้ลงทุนต้องสูญเสียรายได้ หรือเงินลงทุน ประกอบด้วย ความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ และความเสี่ยงในระดับอุตสาหกรรม
●ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk)
การสูญเสียเงินลงทุนอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ที่ลงทุน ซึ่งเป็นไปตามอุปสงค์ และอุปทานของตลาด
●ความเสี่ยงในอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk)
ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราดอกเบี้ยในตลาด
●ความเสี่ยงจากอำนาจซื้อ (Purchasing Power Risk)
ความเสี่ยงทีเกิดจากอำนาจซื้อของเงินที่ลดลง ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่ออำนาจซื้อ คือ ภาวะเงินเฟ้อ
การ Cut loss ช่วยลงความเสียหายได้จริงหรือ?
การ Cut loss คือ การขายสินทรัพย์ออกไปโดยที่ “ขาดทุน” แต่เป็นการขาดทุนที่น้อยกว่าการไม่ขายสินทรัพย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้ ทั้งนี้นักลงทุนในแต่ละคนจะมีจุด cut loss ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
หนึ่งในวิธีการ Cut loss ที่นิยมใช้คือ การกำหนดเปอร์เซ็นต์การขาดทุน ซึ่งจำนวนเปอร์เซ็นต์ในการกำหนดเพื่อ Cut loss นั้นไม่มีตายตัว ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงและความเต็มใจในการยอมขาดทุน ยกตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้นในราคา 10 บาท ตั้งเปอร์เซ็นต์การขาดทุนไว้ที่ 5% (0.50 บาท) ดังนั้นเมื่อหุ้นราคา 9.50 บาท ต้องตัดสินใจขายในทันที เพื่อเป็นการ Cut loss ลดความสูญเสียในอนาคต
และนี้ก็คือความรู้เกี่ยวกับ “ปัจจัยเสี่ยงจากการลงทุน” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้กันครับ คิดว่าน่าจะเป็นข้อมูลและประโยชน์ที่ดีสำหรับทุกๆ ท่านกันนะครับ